ภาวะโลกร้อนและผลกระทบต่อประเทศไทย
ภาวะโลกร้อนและผลกระทบต่อประเทศไทย
ความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งที่คนในสังคมไทยยังมองข้าม และ ให้ความใส่ใจไม่มากเท่าที่ควร ที่สำคัญยังมีคนจำนวนมากไม่ว่าจะในโลกหรือในประเทศไทยนั้นยังขาดความรู้ความเข้าใจในปรากฏการณ์ “ภาวะโลกร้อน”
ปรากฏการณ์ “ภาวะโลกร้อน” นั้นได้ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นภัยกับมนุษย์หลายประการ เช่น น้ำท่วม ความแห้งแล้ง ลมพายุ หรือแม้กระทั่งระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นในทุกๆปี คำถามที่หลายคนสงสัยว่า “ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และ จะส่งผลให้เรามีผลอย่างไรในอนาคตบ้าง? แล้วประเทศไทยของเรานั้นจะมีผลอย่างไรบ้าง?”
กลไกของสภาวะโลกร้อน
ในสภาวะปรกติโลกจะได้รับพลังงานประมาณ 99.95% จากดวงอาทิตย์ ในรูปแบบของการแผ่รังสี และ ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาแล้วโลกสามารถรักษาสมดุลของพลังงานที่ได้รับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากมีการสะท้อนความร้อนและการแผ่รังสีจากออกจากโลกจนพลังงานเหล่านั้นหมดไปหรือมีค่าเท่ากับศูนย์ในแต่ละวัน ทำให้โลกนั้นมีสภาพที่เหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด อีกกลไกหนึ่งทีทำให้โลกนั้นยังรักษาพลังงานความร้อนไว้ได้คือ “ปรากฏการณ์เรือนกระจก” คือ โลกจะมีชั้นบางๆของแก๊สกลุ่มหนึ่งเรียกว่า “แก๊สเรือนกระจก” ที่ทำหน้าที่ดักและสะท้อนความร้อนที่โลกแผ่กลับออกไปในอวกาศให้กลับเข้าไปในโลกอีกได้ หากไม่มีแก๊สกลุ่มนี้โลกจะไม่สามารถเก็บพลังงานไว้ได้และในทางกลับกันแล้วนั้นแก๊สกลุ่มนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็นเสมือนผ้าห่มบางๆ ที่คลุมโลกตอนที่หนาวเย็นให้กลับมาอุ่นได้อีกด้วย
ในระยะช่วงเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น โลกนั้นได้มีการสะสมแก๊สเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศมากขึ้น เนื่องจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงต่างๆที่ใช้ในกิจกรรมประจำวัน ยิ่งมนุษย์มีกิจกรรมประจำวันมากขึ้นเท่าใดมีการใช้พลังงานมากขึ้นเท่าใดนั้นก็จะทำให้แก๊สเรือนกระจกนั้นเพิ่มในชั้นบรรยากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้โลกไม่สามารถแผ่ความร้อนออกไปได้อย่างที่เคย ทำให้อุณหภูมิในโลกนั้นสูงขึ้นเปรียบเสมือนเรามีผ้าห่มที่หนาขึ้นนั่นเอง
ผลกระทบที่เกิดจากสภาวะโลกร้อน
ชุมชนบ้านขุนสมุทรจีน ต. เจดีย์ จ. แม้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วนั้นมนุษย์อาจจะรู้สึกว่าอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นไม่มากนักแต่ผลกระทบที่เห็นนั้นค่อนข้างจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆขณะนี้ผลกระทบดังกล่าวได้ปรากฏขึ้นให้เห็นแล้วทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ตัวอย่างที่เห็นได้ในหลายๆประเทศเช่น การละลายของน้ำแข็งทั่วโลกทั้งที่เป็นธารน้ำแข็ง แหล่งน้ำแข็งบริเวณขั้วโลก น้ำแข็งเหล่านี้ที่ละลายจะไปเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทร ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมาก ทำให้หลายเมืองที่อยู่ติดทะเลนั้นตกอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลทันทีไม่เว้นแม้ในประเทศไทย คือ สมุทรปราการ ซึ่งการกัดเซาะชายฝั่งในบริเวณดังกล่าวทำให้พื้นที่ซึ่งเคยเป็นแผ่นดินหายไปหลายหมื่นไร่โดยบริเวณที่เคยเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวบ้านถูกน้ำทะเลกลืนกินพื้นที่เข้ามาโดยตลอด มนุษย์นั่นเองเป็นผู้ปล่อยแก็สเหล่านี้ออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อนำพลังงานมาใช้
กล่าวโดยสรุปก็คือ สาเหตุที่เป็นตัวการทำให้ก่อเกิดสภาวะโล
ซึ่งปัจจุบันยังเหลือหลักฐาน คือ เสาไฟฟ้าจำนวนมากที่ปัจจุบันต้องกลายเป็นเสากลางทะเลเท่านั้น
คงทราบแล้วว่าสภาวะโลกร้อนเกิดจากการที่มีแก๊สเรือนกระจกในบรรยากาศมากเกินไป แก๊สเรือนกระจกตัวสำคัญได้แก่ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อใช้งานและสิ่งที่รู้ดีนั่นคือ
กร้อนในครั้งนี้ก็คือ.....มนุษย์.....นั่นเอง เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างมากที่มนุษย์ในโลกคงไม่อาจจะหยุดยั้งสภาวะโลกร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ถึงแม้ว่าจะหยุดผลิตแก๊สเรือนกระจกโดยสิ้นเชิงนับตั้งแต่บัดนี้ก็ตาม แต่ยังสามารถบรรเทาผลอันร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นให้ลดความรุนแรงลงอยู่ในระดับที่จะพอรับมือได้ หรือ ชะลอปรากฏการณ์ให้เกิดขึ้นได้ช้าลง สิ่งที่เราจะพอทำได้ตอนนี้คือการลดการผลิตแก๊สเรือนกระจกและลดการใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดความร้อนลงได้
มาช่วยกันป้องกันโลกและประเทศกันเถอะ!
1. ลดระยะทางที่ใช้สำหรับการขนส่ง เนื่องจากมลพิษทางขนส่งนั้นเป็นตัวการสำคัญมากที่สุดในการเพิ่มปริมาณ ก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ
2. ปิดเครื่องปรับอากาศในโรงแรมที่เราเข้าพักเมื่อเราไม่ได้อยู่ในห้องพัก และช่วยการปิดไฟและแอร์หลังจากเลิกใช้งาน และในช่วงพักกลางวันของทุกวันในสำนักงาน อย่างน้อยก็ช่วยประหยัดพลังงานได้ 1 ชั่วโมง
3. ลดระดับการใช้งานเครื่องใช้ ไฟฟ้าลงแม้เพียงเล็กน้อย เช่น เพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้อยู่ในระดับ 25 องศาเซลเซียส,ปิดฝาหม้อที่อาหารกำลังร้อนอยู่ เป็นต้น
4. นำกระดาษหรือ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ได้ซ้ำมาใช้อีก หรือการออกไปจ่ายตลาดควรนำถุงผ้าออกติดตัวไปด้วยเพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกที่มีขนาดเล็กซึ่งใช้ประโยชน์ต่อได้น้อยมาก
5. รักษาป่าให้ได้มากที่สุดโดยทุกๆวิธีและช่วยกันเพิ่มปริมาณต้นไม้โดยช่วยกันปลูกป่าเพิ่ม ทุกวัน หรือ ทุกเดือน หรือทุกปี
6. ลดการใช้ยวดยานพาหนะ หรือ ปรับเปลี่ยนนิสัยการขับรถเร็ว ขับให้ช้าลง ตรวจเช็คสภาพรถบ่อยครั้ง หรือถ้าไม่ไกลมากเท่าไรให้เดินให้มากขึ้น
7. และเห็นจะขาดไปเสียมิได้ คือ การที่เราช่วยกันลงมือทำเดี๋ยวนี้และสอนลูกหลานในครอบครัวให้เข้าใจและปฏิบัติตาม อีกทั้งยังรวมถึงการบอกต่อให้ผู้อื่นได้ทราบด้วย
1. ริเริ่มจัดทำโครงการปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับคาร์บอน การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน การจัดการดิน น้ำ พืช และการจัดการของเสียด้านปศุสัตว์และการประมง
2. รณรงค์โครงการ ปลูกไม้ยืนต้นและไม้เศรษฐกิจในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ โครงการเผาในที่โล่ง เช่น งดการเผาเศษวัสดุฟางและตอซัง อ้อยและข้าวโพดในพื้นที่เกษตรกรรม
3. จัดทำระบบป้องกันปัญหาสาธารณภัยหรือ ระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ ระบบเตือนภัยแล้ง ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ การปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่การเกษตรให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการก่อสร้างแหล่งน้ำชลประทาน การจัดสรรน้ำอย่างเป็นระบบและเป็นธรรม และการสร้างแหล่งน้ำในไร่นาต่างๆเป็นต้น
4. จัดทำเขตพื้นที่เหมาะสมในการปลูกพืชพลังงานทดแทน นอกจากนี้แล้วยังจัดการดินเพื่อรักษาน้ำในดินพร้อมติดตามพื้นที่มีปัญหาที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน และติดตามผลกระทบจากน้ำท่วม ความแห้งแล้งซ้ำซากและ ภาวะการเป็นทะเลทรายของแต่ละสภาวะในภูมิภาคของประเทศไทย
5. จัดทำแผนที่คาร์บอนในชุดดินและจัดทำแผนที่การใช้ที่ดินกับวัฏจักรคาร์บอน ศึกษาการปล่อยมีเทนในประเทศไทย นอกจากนี้ยังศึกษาปุ๋ย ไนโตรเจน และแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจก
เพื่อบรรเทาปัญหาให้กับเกษตรกร
6. มีการศึกษาผลของการไถกลบตอซัง และรณรงค์ให้ปลูกไม้ยืนต้นเพื่อแก้ไขปัญหาดินเค็ม ปลูกหญ้าแฝกดูดซับคาร์บอนในดิน และใช้ระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ
ภาวะโลกร้อนเป็นปัญหาร่วมของโลก และต้องการความร่วมมือของทุกประเทศ และทุกฝ่ายในประเทศไทย กิจกรรมการพัฒนาที่ดินที่ทางกรมพัฒนาที่ดินดำเนินการอยู่นั้นจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาภาวะโลกร้อน และ ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้ทางกรมพัฒนาที่ดินยังหวังผลให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรให้ได้มากที่สุดอีกด้วย
ที่มา:http://www.greentheearth.info/
